วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

บันทึกอนุทินครั้งที่13

บันทึกอนุทินครั้งที่  13


          บันทึกอนุทิน
 วิชา การจัดประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย

    อาจารย์ผู้สอน  อาจารย์  จินตนา  สุขสำราญ 
        วัน/เดือน/ปี 11 พฤศจิกายน  2557  ครั้งที่ 13
     เวลาเข้าสอน  08.00 น.    เวลาเรียน 08.30  น.
           เวลาเลิกเรียน   12.20 น.

กิจกรรมภายในวันนี้ 

วันนี้นำเสนอแผนการสอนที่เหลือ ทุกๆกลุ่มและทำกิจกรรมไข่ทาโกยากิ เขียนหัวข้อ บทความ งานวิจัยและโทรทัศน์ครู

1.หน่วยสับปะรด


 2.หน่วยส้ม


3.หน่วยทุเรียน

 
4.หน่วยมด




  5.หน่วยดิน



 6.หน่วย น้ำ




       แต่ละกลุ่มนำเสนอดีและเนื้อหาสนุกและบางกลุ่มยังสอนไม่เต็มที่และไม่ถูกต้องตามแผนจึงได้รับคำแนะนำและปรับปรุงแก้ไขต่อไป

กิจกรรมต่อไป คือ ไข่ทาโกยากิ
   ในการทำไข่ทาโกยากิครั้งนี้เป็นกลุ่มของหน่วยไข่ที่นำเสนอและให้เพื่อนๆมีส่วนร่วมด้วยกัน

 ส่วนผสมในการทำ
1. ไข่ไก่
2.ข้าว
3.ซีอิ้วขาว
4.แครอท
5.ต้นหอม
6.ปูอัด

อุปกรณ์ในการทำ

1.เครื่องทำทาโกยากิ
2.กระดาษ
3.กรรไกร
4.ช้อน ซ้อม
5.ถ้วยเล็ก
6.มีดและเขียง

วิธีการทำ
   แบ่งกลุ่มนั่งกลุ่มละ 5 คน

โต๊ะที่ 1
    ตัดกระดาษเป็นวงกลมเพื่อเป็นที่รองถ้วยเล็ก


โต๊ะที่ 2
       หันผักที่เตรียมมาคือแครอท ต้นหอม และปูอัด


 โต๊ะที่3
         ตีไข่ใส่ในถ้วยเล็ก คนละ 1 ฟอง


โต๊ะที่ 4
        นำไข่ที่ตีมาเติมเครื่องปรุง คือ ข้าว ผักชี แครอทและ ซีอิ้วขาว
         

โต๊ะที่ 5
     นำไข่มาเท่ลงในเครื่องทำทาโกยากิและพลิกด้านให้มันเป็นลูกกลมๆ


     เพื่อนๆทุกคนต้องวนให้ครบทุกโต๊ะและทำทุกขั้นตอนที่เตียมไว้ทุกโต๊ะ

การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้
      การจัดกิจกรรมที่สามารถทำให้เด็กได้มีส่วนร่วมกับครูและเป็นสิ่งที่ไม่อยากจนเกินไปในการทดลองทำ ควรเลือกสิ่งที่เด็กสนใจ  หาง่าย ประหยัด และทำได้ง่าย

ประเมินตนเอง 
       ในการนำเสนอแผนทุเรียนไม่ได้เตรยมตัวมาทำให้ล่าช้าและมีข้อปรับปรุงแก้ไขเยอะมาก จึงทำห้เสียเวลาในการสอน และการทำไข่ทาโกยากิให้ความร่วมมือกับเพื่อนได้ดี

ประเมินเพื่อนๆ
       เพื่อนให้ความร่วมมือกันดีและร่วมกันชิมไข่ทาโกยากิที่ตนเองทำและร่วมกันสทนากันภายในห้อง

ประเมินอาจารย์
       อาจารย์มีความมุ่งมั่นในการสอน โดยหากิจกรรมมาให้นักศึกษาไม่ทำน่าเบื่อเพราะมีกิจกรรมทำกันภายในห้องทำและให้คำแนะนำดีๆในการเรียนการสอน 

ข้อเสนอแนะ
      เวลาล่วงเลยมา 13.00น. ปกติเลิกเรียนเวลา 12.20 น.เพราะติดตรงนักศึกษาสอนแผนช้าและไม่ถูกจึงมีการแก้ไขภายในคาบ

สรุปงานวิจัย 

ชื่อเรื่อง  ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยที่ได้รับประสบการณ์จากการใช้ กิจกรรมมุ่งเน้นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และการเล่นตามมุมวิทยาศาสตร์อย่างมีแบบแผน 

นิยาม 
    เพื่อเปรียบเทียบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยที่ได้รับประสบการณ์จาการใช้กิจกรรมมุ่งเน้นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการเล่นตามมุมวิทยาศาสตร์อย่างมีแบบแผน

การทดลอง

    นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2543 โรงเรียนเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 30 คน โดยมีเนื้อหาในแผนการจัดประสบการณ์ของสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ จำนวน 6หน่วย คือ หน่วยสัตว์เลี้ยงแสนดี หน่วยกล้วยจ๋าน่ากินจัง หน่วยผลไม้ใครๆก็ชอบ หน่วยผักสดสะอาด หน่วยต้นไม้เพื่อนรัก และหน่วยไม้ดอกไม้ประดับ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ด้านทักษะการสังเกต ทักษะการจำแนกประเภท ทักษะการสื่อความหมาย ทักษะการลงความคิดเห็น  ทักษะการหามิติสัมพันธ์

การส่งเสริม

1.การวางแผนการจัดประสบการณ์ โดยเริ่มตั้งแต่ศึกษาความคิดรวบยอด จุดประสงค์ เนื้อหา การดำเนินกิจกรรมและการประเมินผล

2.ลักษณะการจัดประสบการณ์ โดยใช้กิจกรรมมุ่งเน้นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการเล่นตามมุมวิทยาศาสตร์อย่างมีแบบแผน โดยการเปิดโอกาสให้เด็กได้ทำกิจกรรมด้วยตนเอง โดยผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 เช่น การพูด  ฟัง การสังเกตและปฏิบัติทดลอง



สรุปบทความ

        วิทยาศาสตร์  เป็นวิชาหนึ่งที่ทำให้เด็กๆ ปวดหัวและเบื่อ แม้จะมีประโยชน์สำหรับเด็กๆ อย่างมากในอนาคต theAsianparent ได้ไปร่วมงานสัมมนาของกรุงเทพมหานคร ในหัวข้อ "ทำอย่างไรให้หนังสือแนววิทยาศาสตร์เป็นเรื่องน่าอ่านสำหรับเยาวชน" เรามีเคล็ดลับมาฝากทุกท่านในการทำให้ลูกรักและสนใจวิทยาศาสตร์ด้วย


1. อ่านหนังสือการ์ตูนวิทยาศาสตร์
      หนังสือเรียนอาจดูน่าเบื่อสำหรับเด็ก ๆ แต่อย่ากังวลไปค่ะ เพราะในปัจจุบันมีหนังสือเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์มากมาย ที่เขียนให้ไม่น่าเบื่อ น่าติดตาม มีภาพประกอบสวยงาม แต่ละเรื่องสอดแทรกการทดลองที่น่าสนใจไว้ บางเล่มก็เป็นการ์ตูนภาพน่ารัก ๆ บางเล่มก็เป็นนิยายผจญภัย ยกตัวอย่างเช่น หนังสือการ์ตูนโดราเอมอนในชุดความรู้ จะมีเล่มที่มีการ์ตูนพร้อมอธิบายเรื่องจักรวาลไว้ด้วย หนังสือการ์ตูน เอาชีวิตจากโลกร้อน ที่ช่วยสอนเด็ก ๆ ให้ช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น หรือจะเป็นหนังสือหลักคณิตคิดเร็ว หรือหนังสือสารานุกรมวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กและเยาวชนด้วย

2. ทำการทดลองอย่างง่าย ๆ
     หากยังไม่ทราบจะทำการทดลองแบบใด หรือ ทำการทดลองแนวไหน ลองหาหนังสือการทดลองทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กมาเป็นแนวทางก็ได้ค่ะ ที่เราขอแนะนำ เช่น กล่องกิจกรรมทดลองชุดเจาะลึกเทคโนโลยีด้วยวิทยาศาสตร์ ที่ให้เด็ก ๆ ได้สนุกสนานไปกับการทดลองสารเรืองแสง หรือหนังสือชื่อ “ทำอย่างไรให้วัวกินหญ้าเป็นรูปครึ่งวงกลม” และ “เราก้าวทะลุโปสการ์ดได้อย่างไร” ที่ช่วยแนะนำการทดลองแบบง่าย ๆ ทำได้ที่บ้าน อย่าง การเรียนรู้เรื่องทรงเรขาคณิตจากการพับกระดาษ การพับปิระมิด การพับวงกลมสองวงให้กลายเป็นสี่เหลี่ยม หรือการสอนเด็ก ๆ เรื่องการคาดคะเนผ่านการทดลองตัดพิซซ่า และโดนัท 

3. พาเข้าพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แบบ interactive
    ในประเทศไทยมีพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แบบ interactive (พิพิธภัณฑ์เชิงปฏิสัมพันธ์) หรือพิพิธภัณฑ์ที่ให้ผู้ชมมีส่วนร่วมในการปฏิบัติหรือทดลอง เข้าร่วมในกิจกรรมของพิพิธภัณฑ์ด้วยด้วยได้ คือ จตุรัสวิทยาศาสตร์ เป็นสวนสนุกวิทยาศาสตร์หรือแหล่งเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์รู้ที่เน้นส่งเสริม ความรู้คู่ความบันเทิงให้กับเด็ก ๆ ตั้งอยู่ ณ ชั้น 4 และชั้น 5 อาคารจามจุรีสแควร์ ที่นี่เน้นการจัดนิทรรศการทางวิทยาศาสตร์ มีกิจกรรมต่าง ๆ ที่ออกแบบมาให้เข้ากับธรรมชาติของเด็ก โดยเฉพาะชิ้นงานวิทยาศาสตร์แบบ Interactive ที่เน้นการมีส่วนร่วมของผู้เข้าชม โดยเฉพาะเด็ก ๆ ให้สามารถทดลอง สัมผัส เรียนรู้ด้วยตัวเองด้วย นอกจากนี้ยังมีสนามเด็กเล่น Kid Play Ground ที่ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ของเด็กวัย 3-8 ปี ด้วยการพัฒนากระบวนการคิดวิเคราะห์และช่วยปลูกฝังความสนใจด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ให้กับเด็กด้วย



สรุป โทรทัศน์ครู




            การสอนของครูกอบวิทย์ เป็นการกระตุ้นให้เด็กได้มีส่วนร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างเต็ม ที่ ครูกอบวิทย์สามารถสอนในสิ่งที่เป็นนามธรรมให้กลายเป็นรูปธรรมได้ โดยการแสดงบทบาทสมมติ และการจำลอง จากที่ครูกอบวิทย์สอนสอนนักเรียนจะรู้จักสถานะของสารแต่ไม่สามารถอธิบายได้ ว่าอนุภาคของสาร มีหน้าตาหรือลักษณะอย่างไร ครูกอบวิทย์จึงสอนโดยเปรียบกับนักเรียนแต่ละคนคืออนุภาคของสารแต่ละอนุภาค ในการสอนครูกอบวิทย์จะมีการอธิบายพร้อมให้นักเรียนได้ปฏิบัติ เมื่อสอนเสร็จก็จะมีการสรุปอย่างเป็นรูปธรรมอีกครั้งหนึ่งโดยการใช้สื่อเป็น รูปธรรม ทำให้นักเรียนเข้าใจได้ง่ายขึ้น และสุดท้ายครกอบวิทย์จะมีการประเมินผลโดยให้นักเรียนได้เขียนแสดงความรู้ของ ตัวเองออกมา หลักสำคัญที่ครูกอบวิทย์คำนึงถึงในการจัดการเรียนการสอนคือ จะทำอย่างไรที่จะจัดกระบวนการเรียนรู้ให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างสนุกสนาน ควบคู่ไปกับการฝึกทักษะและพัฒนากระบวนการคิดของนักเรียน









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น